Korea Destination ตอนที่ 9 โค้งสุดท้ายก่อนไป..ก๊วน I มึน I โฮ

Friday, December 31, 2010

저는 태국에서 왔어요 ชอนึน แทกุเกซอ วัซซอโย >>> ฉันมาจากประเทศไทย

ลังจากที่ห่างหายกันไปนาน Korea Destination ก็กลับมาพบกับทุกท่านอีกครั้ง จริงๆ แล้วไม่ได้หายไปไหนหรอกค่ะ เนื่องจากได้มีโอกาสไปดูงานที่ประเทศเกาหลีมา เลยได้พลอย Survey สถานที่จริงไปโดยปริยาย........


 นื่องจากช่วงที่ไป ( 5-12 ธ.ค.) ที่ประเทศเกาหลีนั้นเป็นช่วงฤดูหนาวทำให้มองไปแห่งหนตำบลใด ก็จะขาวโพลนไปหมดค่ะ 
อุณภูมิตอนกลางวันก็จะอยู่ในราว -5 องศาลงมา ส่วนตอนกลางคืนนั้นไม่ต้องพูดถึงหนาวไปถึงขั้วหัวใจกันเลยทีเดียว ประมาณ -10 องศา ว๊าว...เย็นยะเยือกใหมล่ะคะ........


ภาพบ้านเมืองที่เกาหลีนั้นต้องขอบอกว่าเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก แม้แต่ขยะยังมีการแยกถังกันอย่างชัดเจน รวมทั้งมีเวลาในการทิ้งและเก็บขยะ ทำให้ถนนหนทางที่นั่นสะอาดสะอ้าน มองไปทางใหนแทบไม่พบถังขยะ  


สำหรับคนไทยที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวยังประเทศเกาหลีนั้นขอบอกได้เลยว่าง่ายแสนง่ายค่ะ เพียงแค่คุณมี Passport ใบเดียวก็สามารถเข้าประเทศนี้ได้แล้ว เนื่องจากรัฐบาลเกาหลีต้องการสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศของเขานั่นเอง........  คนไทยก็เป็นชาติหนึ่งที่ได้รับสะดวกสบายในการเดินทางครั้งนี้ค่ะ


ด้านบนเป็นภาพของวัดวาวูจองซา (Waujeongsa Temple) ตั้งอยู่ในเมืองยงอิน จ.เคียงคิโด สร้างขึ้นในปี 1970 โดยนักบวช
แฮต๊อก ภายในมีรูปสลักสะสมจากพุทธศาสนิกชนทั่วโลกมากกว่า 3,000 ชิ้น

ดยหนึ่งในรูปสลักที่มีชิ่อเสียงที่สุดคือ พระเศียรของพระพุทธเจ้าซึ่งมีความสูงถึง 8 เมตร ตั้งอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าวัด  และได้รับการบันทึกลงกินเนสบุ๊คให้เป็นรูปสลักที่ทำจากไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก...........


Bye  Bye…………

Korea Destination ตอนที่ 8 ชมมรดกโลก พระราชวังชางด๊อกกุง

Tuesday, December 28, 2010

어서 오세요 ออซอ โอเซโย >>> ยินดีต้อนรับ


พระราชวังชางด๊อกกุง  ( Changdeokgung Palace )
ระราชวังชางด๊อกกุง หรือ พระราชวังชางด๊อก หนึ่งในห้าพระราชวังที่สำคัญที่สุดในเกาหลี สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าแทจง แห่งราชวงศ์โชซอน เมื่อปี พ.ศ. 1948 (ค.ศ. 1405)  แล้วเสร็จ ในปี   พ.ศ. 1955 ( ค.ศ. 1412 ) ด้วยเหตุที่พระราชวังแห่งนี้ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก  ของพระราชวังเคียงบก ( Kyeongbok Palace ) ผู้คนจึงนิยมเรียกพระราชวังแห่งนี้ว่า พระราชวังตะวันออก (East Palace)

ต่อมาในรัชกาลพระเจ้าซอนโจ กษัตริย์องค์ที่14ของราชวงศ์  ยังได้โปรดให้ขยายสนามหญ้าของพระราชวังเป็น 500,000 ตารางเมตร

ในปี พ.ศ. 2135 (ค.ศ. 1592) ขุนศึกญี่ปุ่นโทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ ได้เข้ารุกรานเกาหลีกินเวลายาวนานถึง 7 ปี พร้อมกับเผาทำลายพระราชวัง ซึ่งในปีนี้เองเป็นปีที่ฉลองครบรอบ 200 ปีแห่งการสถาปนาราชวงศ์….


 ลังจากผ่านสงคราม 7 ปีไปแล้ว พระราชวังก็ได้รับการบูรณะขึ้นอีกครั้ง ในปี พ.ศ. 2152 (ค.ศ.1619)  โดยพระเจ้าซอนโจ และองค์ชายควางแฮกุน แต่อีก 4 ปีต่อมา กลับเกิดเพลิงเผาวอดอีกครั้ง  ในเหตุจลาจลที่ขุนนางไม่พอใจองค์ชายควางแฮ ก่อการยึดอำนาจแล้วสถาปนาองค์ชายนึงยางขึ้นเป็นพระเจ้าอินโจ พร้อมกับเนรเทศองค์ชายควางแฮไปเกาะคังฮวา…….


ระราชวังถูกโจมตีอีกครั้งโดยพวกแมนจูหรือราชวงศ์ชิงของจีน  แต่หลังจากนั้นพระราชวังก็ได้รับการสร้างใหม่ให้อยู่ในสภาพดั้งเดิม………


างด๊อกกุงได้ใช้เป็นที่ประทับขององค์กษัตริย์ ที่ว่าราชการและที่ทำงานของขุนนางข้าราชการจนถึงปี พ.ศ.2415 (ค.ศ. 1872) เมื่อพระราชวังเคียงบก ซึ่งอยู่ข้างเคียงได้รับการสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง โดยสมเด็จพระจักรพรรดิซุนจง แต่อย่างไรก็ตามกษัตริย์พระองค์สุดท้ายของเกาหลีพระองค์นี้ ก็ได้เสด็จมาประทับที่ชางด๊อกกุง เรื่อยมากระทั่งสวรรคตในปี พ.ศ. 2469 (ค.ศ. 1926)…..


ระตูทางเข้าหลักของพระราชวัง มีชื่อว่า ประตูดอนฮวามุน ( Donhwamun Gate )  อาคารที่ประทับของกษัตริย์มีชื่อว่า  
พระตำหนักอินชองชอน ซึ่งใช้เป็นท้องพระโรงออกว่าราชการ บริเวณรอบๆ พระตำหนักมีกลุ่มอาคารที่เชื่อมต่อกันด้วยระเบียงโปร่ง มีชื่อว่า หมู่ตำหนักนักซอนเจ ( Nakseonjae )


 ายในพระราชวังแห่งนี้ มีอุทยานที่ได้ชื่อว่าสวยงามและร่มรื่นที่สุดอยู่ทางด้านหลังของพระราชวังชื่ออุทยานพีวอนหรือ ฮูวอน หรือ สวนลับ ภายในอุทยานนอกจากแมกไม้แล้วยังมีศาลารูปพัดตั้งอยู่ริมสระพันโดจี ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าอินโจยิ่งนัก.......

  
ระราชวังชางด๊อกกุงได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก      ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 21 เมื่อปี พ.ศ. 2540 ที่เนเปิลส์ ประเทศอิตาลี พระราชวังแห่งนี้ได้เป็นฉากหลังในซีรีส์เกาหลีเรื่องแดจังกึมจอมนางแห่ง
วังหลวง


ารเข้าชมพระราชวังชางด๊อกกุง จะต้องเข้าชมพร้อมกับไกด์ของพระราชวังเท่านั้น ใช้เวลาเข้าชมเที่ยวละ  1 ชั่วโมง 30 นาที


โปรดติดตามต่อตอนหน้าจะพาทุกท่านไปท่องเที่ยวยังสถานที่อื่นๆ ในเกาหลีกันต่อนะคะ.......
Bye  Bye…………

Korea Destination สุดปลายทางที่เกาหลี ตอนที่ 7 พระราชวังต๊อกซูกุง (Deoksugung Palace)

Saturday, December 25, 2010

고마워요 ,감사해요 โคมาวอโย, คัมซาแฮโย >>> ขอบใจจ๊ะ


พระราชวังต๊อกซูกุง ( Deoksugung Palace )
พระราชวังต๊อกซูกุง หรือ พระราชวังต๊อกซู เป็นหนึ่งในห้าพระราชวังที่สำคัญที่สุดของราชวงศ์โชซอนและเกาหลี  เดิมพระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับขององค์ชายวอลซาน พระเชษฐาในพระเจ้าซองจงหรือองค์ชายชาซาน…….


โดยในระหว่างสงครามเจ็ดปีที่นี่ได้กลายเป็นพระราชวังหลวง   โดยพระเจ้าซอนโจเป็นกษัตริย์องค์แรกที่เสด็จมาประทับที่พระราชวังแห่งนี้และองค์ชายควางแฮกุน ได้ทรงสวมมงกุฎที่นี่เมื่อค.ศ.1608 (พ.ศ. 2151)………..


ต่อมา พระองค์ทรงได้เปลี่ยนชื่อพระราชวังเป็น พระราชวังยอนกุนกุง (경운궁, 慶運宮) ในปี ค.ศ.1611 (พ.ศ.2154) หลังจากทางราชสำนักได้กลับไปสร้างพระราชวังชางด๊อกกุงขึ้นมาใหม่ ในปี ค.ศ.1618 (พ.ศ. 2161) พระราชวังแห่งนี้ก็ได้เป็นพระราชวังรองตลอด 270 ปี (ค.ศ.1618-1888) และได้เปลี่ยนชื่อเป็นซอกุง (พระราชวังตะวันตก) ต่อมาในปี ค.ศ.1897(พ.ศ. 2440)


ลังจากเกิดวิกฤติการณ์แล้วพระเจ้าโกจงได้ทรงลี้ภัยเข้าไปประทับในสถานทูตรัสเซีย หลังจากนั้นพระองค์ทรงได้กลับมาประทับ ที่พระราชวังแห่งนี้และได้เปลี่ยนชื่อเป็นยอนกุนกุงอีกครั้ง............


ลังจากทรงย้ายกลับมาประทับที่พระราชวังแห่งนี้แล้ว ทรงโปรดให้มีการขยายและเพิ่มเติม สิ่งอำนวยความสะดวกในพระราชวัง หลังจากทรงสละราชสมบัติให้สมเด็จพระจักรพรรดิซุนจงพระราชโอรส ก็ทรงประทับที่พระราชวังแห่งนี้


ต่อมาพระองค์ได้เปลี่ยนชื่อพระราชวังเป็้นพระราชวังต๊อกซูกุงจนถึงทุกวันนี้ และมีเรื่องเล่าอ้างอิงว่าทรงอธิษฐานให้ทรงมีพระชนม์ชีพที่ยาวนาน และทรงใช้พระชนม์ชีพที่เหลือประทับที่ฮัมเนียงจอน โดยปัจจุบันนี้พระราชวังต๊อกซูกุงได้เป็นพิพิธภัณฑ์มีสวนป่าและมีพระบรมรูปพระเจ้าเซจงมหาราช…..


ระราชวังแห่งนี้ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับศาลาว่าการกรุงโซล มีประตูทางเข้าที่สวยงาม ชื่อ ประตูแทฮันมุน ( Daehanmun Gate) ภายในมีพระที่นั่ง ซุงวาจอน ภายในมีการแสดงโชว์การเปลี่ยนเวรยามของทหารราชองครักษ์ การโชว์แต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 30 นาที มีโชว์ทั้งหมด 3 รอบ คือ เวลา 10.30 น. รอบ 14.00 น. และ 15.00 น.


...........................................................................................................................................................................
โปรดติดตามต่อตอนหน้านะ  จะพาทุกท่านไปท่องเที่ยวยังสถานที่อื่นๆ ในเกาหลีกันต่อนะคะ.......
Bye  Bye…………

Korea Destination สุดปลายทางที่เกาหลี ตอนที่ 6 พระราชวัง Gyeong Bok Gung วังแห่งพรที่ส่องสว่าง

Friday, December 24, 2010

내일 만나요 แน อิล โต มัน นา โย >>>>> พรุ่งนี้พบกันอีกนะ


ระราชวังคยองบก / พระราชวังคยองบกกุง หรือ เคียงบก  (เกาหลี: 경복궁) ตั้งอยู่ที่ตอนเหนือของกรุงโซลสาธารณรัฐเกาหลีเป็นหนึ่งในห้าพระราชวังใหญ่ที่สร้างขึ้นโดยราชวงศ์โชซอน สร้างขึ้นในปีพ.ศ.1937 (ค.ศ. 1394) โดย ชองโดจอน  (정도전) และได้กลายเป็นพระราชวังหลวงหรือวังหลักสำหรับประทับว่าราชการของกษัตริย์ และเหล่าเชื้อพระวงศ์ของเกาหลีมาโดยตลอด และได้รับการต่อเติมโดยพระเจ้าแทจงและพระเจ้าเซจงมหาราช แต่บางส่วนของพระราชวังนั้นถูกเพลิงเผาวอดในช่วงที่ญี่ปุ่นบุกประเทศเกาหลี…….


ระราชวังมีเนื้อที่ 5.4 ล้านตารางฟุต โดยในช่วงต้นราชวงศ์โชซอนมีตำหนักอาคารมากถึง 200 อาคาร กระทั่งปีพ.ศ. 2135 ที่กองทัพญี่ปุ่นบุกรุกประเทศเกาหลี ตำหนักต่างๆ ได้ถูกทุบทำลาย ถูกเผาทิ้งไปเป็นจำนวนมากก่อนที่จะได้รับการบูรณะซ่อมแซมและสร้างพระราชวังขึ้นมาใหม่ในแบบฉบับเดิมในปัจจุบันมีตำหนักทั้งสิ้น10ตำหนัก



คำว่า "เคียงบกกุง" ในภาษาเกาหลี แปลว่า "พระราชวังแห่งพรที่ส่องสว่าง (The Palace of Shining Blessings)"



โปรดติดตามตอนต่อไปจะพาทุกท่านไปท่องเที่ยวยังสถานที่อื่นๆ ในเกาหลีกันต่อนะคะ......
Bye  Bye…………

Korea Destination สุดปลายทางที่เกาหลี ตอนที่ 5 เที่ยวสนุกทุกเทศกาลที่สวนสนุกเอเวอร์แลนด์

Thursday, December 23, 2010

내일 만나요 แน อิล โต มัน นา โย >>>>> พรุ่งนี้พบกันอีกนะ 

วนสนุกเอเวอร์แลนด์  ถูกขนานนามว่า  ดิสนีย์แลนด์เกาหลี สวนสนุกที่เปิดกลางหุบเขาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศภายใน Festival World จะประกอบ ไปด้วย Global Fair,  American Adventure,   Magic Land, European Adventure และ Equatorial Adventure เอเวอร์แลนด์ ถือว่าเป็นสวนสนุก ที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก ………ว๊าวววว!!!


วนสนุกเอเวอร์แลนด์ เป็นสวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่และดีที่สุดในเกาหลี เป็นของบริษัทซัมซุงเอเวอร์แลนด์ สร้างในปี ค.ศ.1976 และภายในสวนสนุกแห่งนี้ มีสิ่งให้ดูให้ชม ให้ละเล่นครบทุกสิ่ง ทุกฤดูกาล  และตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้ทุกเพศ ทุกวัย……….


เอเวอร์แลนด์ แบ่งออกเป็น 3 โซนใหญ่ๆ  ให้เลือกเล่นได้ตามความใจชอบ ทั้งเครื่องเล่นที่หวาดเสียว สวนน้ำ สวนดอกไม้ ที่จัดตกแต่งสวน ด้วยไม้ดอกนานาชาติ สลับกันตลอดทั้งปี และสวนสัตว์ซาฟารี  ภายในสวนสัตว์จุดเด่นอยู่ที่ไลเกอร์ (Liger) สัตว์ลูกผสมระหว่างสัตว์กับเสือ ( Lion+Tiger ) ที่หาดูได้ที่นี่ที่เดียวในโลก การเข้าชมสวนสัตว์แห่งนี้ ต้องนั่งรถบัสของทางสวนสนุก บรรดาสัตว์ต่างๆจะออกมาอวดโฉมให้เราเห็นกันชัดๆชนิดประชิดติดขอบกับรถของเราเลยทีเดียว...........

 มความน่ารักของหมี ที่สามารถสื่อสารกับคนขับได้อย่างเข้าใจกันดี ไม่ว่าจะตัวใหญ่บิ๊กบึ้มหรือตัวเจ้าตัวน้อย


รือร่วมฉลองเทศกาลดอกไม้นานาพันธ์บานทั้งปี เช่น เทศกาลดอกทิวลิปบานช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม
เทศกาลดอกกุหลาบบานช่วงเดือนมิถุนายน  เทศกาลดอกลิลลี่บานช่วงเดือนกรกฏาคมถึงปลายเดือนสิงหาคม……

ทศกาลดอกเบญจมาศบาน ช่วงกลางเดือนกันยายนถึงปลายเดือนตุลาคม  หรือเทศกาลหิมะโปรย พวกเราจะได้ร่วมเล่นสโนว์ บอร์ดแบบไม่จำกัดรอบ ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์……….


ในช่วงฤดูกาลหรือเทศกาลต่างๆก็จะมีการตกแต่งสวนสนุกให้เข้ากับบรรยากาศของเทศกาลนั้นๆ เช่น สีสันแห่งฤดูร้อน (Summer Splash) ในเดือนสิงหาคม, เทศกาลฮาลาวีน (Happy Halloween) ในเดือนตุลาคม


เทศกาลคริสต์มาสในช่วงปลายปี มีการตกแต่งประดับไฟให้กับต้นคริสต์มาส พร้อมกับขบวนพาเหรด Christmas Holiday Fantasy ในเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ ก็มีเทศกาลหิมะและการเล่นเลื่อนหิมะ 


เครื่องเล่นหวาดเสียวก็มีให้เล่น ทั้ง Double Desk Spin, รถไฟเหาะ (Rolling X-Train), นกอินทรีเหินเวหา (Eagle’s Fortress), ล่องแก่งในป่าอะเมซอน  (Amazon Express) , รถไฟเหาะT-Express หนอนสะบัด 


ชาร์ปโรงหนังสามมิติ บ้านผีสิงหมุนตีลังกาสองตลบรวมทั้งเครื่องเล่นที่หวาดเสียวน้อยกว่า ประเภทชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน รถบั๊มพ์ อะไรพวกนี้ที่เหมาะกับเด็กๆก็มีให้เลือกเล่นหลายอย่าง 


ด้วยความหลากหลายของเครื่องเล่นและการจัดแสดงต่างๆมากมาย   คนเกาหลีจึงให้ฉายาสวนสนุกเอเวอร์แลนด์ว่าเป็น 
"ดิสนีย์แลนด์เกาหลี เพราะเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี การไปเยือนแต่ละครั้งการจัดแสดงและตกแต่งสวนสนุกไม่เคยซ้ำกันเลย.... 
นี่แหละค่ะสีสันแห่งเกาหลี

 

คงอยากรู้แล้วสิคะว่าตอนหน้าจะพาทุกท่านไปเที่ยวที่ใหน  แหม...ถ้าบอกไปก่อนก็ไม่ตื่นเต้นนะสิ ว่าไม๊  อิอิ……
ตอนต่อไปค่อยมาดูกันต่อว่าจะพาไปเที่ยวที่ใหนนะคะ.......
Bye  Bye…………

Korea Destination สุดปลายทางที่เกาหลี ตอนที่ 4 ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ “ ซอรัคซาน ”

Wednesday, December 22, 2010

다음에  만나요 ทา อือ เม โต มัน นา โย >>> พบกันใหม่โอกาสหน้า



สีสันของใบไม้ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการท่องเที่ยวตามภูเขา ความงดงามตามธรรมชาติที่ใบไม้เต็มไปด้วยสีสันต่างๆ นานา ……..เราจะได้เห็นผืนป่าทั้งผืนเปลี่ยนสีเป็น....สีแดงเพลิง !!!




รรยากาศและภูมิทัศน์โดยรอบเกาหลี ณ ช่วงเวลานี้ช่างเหมือนอยู่ในยุโรปอย่างไม่มีผิดเพี้ยน อากาศไม่หนาวมากกำลังเย็นสบาย ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไปใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีเตรียมทิ้งใบเข้าสู่หน้าหนาว ช่วงเวลานี้ช่างน่าไปเยือนเป็นอย่างยิ่ง…..


าบสมุทรเกาหลีประกอบไปด้วยภูเขาถึง 70%  เป็นการยากที่จะบ่งบอกได้ว่าภูเขาลูกไหนที่มีใบไม้สีสันสวยสดงดงาม น่าท่องเที่ยวที่สุด แต่สถานที่ที่เราแนะนำได้ก็คือ ภูเขาที่มีสีสันฉูดฉาดมากที่สุดนั่นเอง!! 


าวเกาหลีนิยมเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีมากที่สุด  นั่นคือช่วงเดือนตุลาคม ถึงต้นเดือนพฤศจิกายน  โดยมากก็จะเป็นภาคตะวันออกของประเทศ  เนื่องจากมีภูเขาสูงได้แก่ คังวังโด เมืองซกโซ สถานที่ตั้งวนอุทยานแห่งชาติ ซอรัคซาน  จัดได้ว่าเป็นแนวเขาที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในเกาหลี ประกอบด้วย โฮซอรัก เนซอรัก และนักซอรัก เทือกเขาแนวนอกแนวใน และแนวใต้มีหุบเขาที่มีดอกไม้บานสะพรั่งทั้งฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง

ภูเขา ซอรัคซาน มีความงามเฉพาะตัวตลอดปีอยู่แล้ว แต่ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะเป็นช่วงที่งดงามที่สุด!! นักท่องเที่ยวจะชอบเดินทางกันในช่วงนี้ เพื่อชมความงามของใบไม้สีต่างๆ และช่วงเดือนตุลาคมทั่วทั้งบริเวณใบไม้จะกลายเป็นสีแดงและสีเหลือง


นั่งกระเช้าไฟฟ้าชมความงามของวนอุทยานแห่งชาติที่ได้ชื่อว่าเป็นภูเขาสี่ฤดู   และสวิตเซอร์แลนด์ของเกาหลีที่
ปราสาท ควางคึมซอง เขาซอรัคตั้งอยู่ใจกลางภูเขาแทแบคซึ่งทอดยาวไปถึงเขาคึมคังของประเทศเกาหลีเหนือมี
เทือกเขา ป่าไม้ หุบเขาสายน้ำทะเลสาบ หินรูปร่างต่างๆที่สวยงามซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและยังเป็นที่มา
ของตำนานที่เล่าขานและจุดกำเนิดเพลงอารีดัง 


ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนี้จะรับรู้ความรู้สึกของพลังเกาหลีที่ความฝันจะติดปีกโบยบิน ด้วยอารมณ์อันดื่มด่ำ กับเทศกาลฤดูกาลท่องเที่ยวที่รื่นเริงอันมีสีสันด้วยความทันสมัย ผสมผสานกับประวัติศาสตร์โบราณได้อย่างกลมกลืน……..


  
นักท่องเที่ยวไทยผู้หนึ่งที่เคยไปเยือนที่นี่ ได้บรรยายไว้ว่า “ เข้าไปในอุทยานแห่งชาติซอรัคซาน อากาศเย็นๆ เลียบลำธารน้ำใสมีป่าเปลี่ยนสีมาพร้อมกับแสงสีทองจากดวงอาทิตย์ วิวโค้งลำธารสวยงาม มองจากเคเบิลคาร์สวยสุดใจ   มีใบไม้ร่วงใบเมเปิ้ลแดงเป็นระยะๆ.... เดินไปเรื่อยๆ เข้าไปในป่าเย็น.....ประทับใจสุดๆ ในช่วงเช้าจะพบความแจ่มใส  กับสายหมอก....ได้ชมแล้วไม่อยากกลับบ้านเลย พอรู้ตัวอีกที หัวใจก็ถูกทิ้งไว้ที่.... ซอรัคซาน เสียแล้ว
 

 หม ....เอ้า.....ใครหลงรัก ซอรัคซาน ยกมือขึ้น !!
ตอนหน้าค่อยมาว่ากันต่อค่ะ
Bye  Bye…………